วันอาทิตย์, มกราคม 06, 2551

บี.บี.ฟีเว่อร์ (ตอน Dr.JART+ Black Label Whitening BB SPF25)


ดาวรุ่งอีกชิ้นที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงสรรพคุณดีเด่นในการการปกปิดรอยแผลสิว+จุดด่างดำ ก็คือ
Dr.JART+ รุ่นBlack Label หลอดนี้นี่เอง!

ไม่พูดพล่ามทำเพลง เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

ด้านการควบคุมความมัน : ดีพอใช้ ถ้าทาเดี่ยวๆไม่ลงกันแดดก่อน หน้าจะมันช้ากว่าลงกันแดดก่อนแล้วค่อยทาบี.บี.ตัวนี้ทับอีกรอบ ใช้เวลาประมาณ2-3ชั่วโมงจึงจะได้ซับหน้ามัน

เนื้อครีม : จะให้สัมผัสที่เหมือนจะหนึบๆ เรียกว่าเนื้อคล้ายครีมรองพื้นมากกว่ารองพื้นแบบน้ำนะเจ้าคะ
ทีแรกนึกว่าจะเกลี่ยยากซะอีก ที่ไหนได้! เกลี่ยง่ายมาก
เนื้อครีมหนาปกปิดดี สำหรับคนที่ไม่ชอบแต่งหน้าเยอะคุณอาจจะชอบผลิตภัณฑ์นี้นะคะ


คะแนน : 7.5/10

วันพฤหัสบดี, มกราคม 03, 2551

บี.บี.ฟีเว่อร์ (ตอน Dr.JART+ Rejuvinating BB SPF10)


ขอแนะนำบีบี แบรนด์ดังของเกาหลีอีกชิ้นค่ะ
ที่ว่าเป็นแบรนด์ดังนั้น...ดังในหมู่สาวกบี.บี.นะเจ้าคะ
ทั้งสาวเกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย และอเมริกา ต่างก็รู้จักยี่ห้อนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเขาวางProductไว้เป็นCosmeceuticalน่ะเจ้าค่ะ ไม่ใช่แค่Cosmetics
ถ้าเป็นภาษาไทยก็คงใช้คำว่า เวชสำอาง คือเครื่องสำอางที่มีสรรพคุณทางยา (ประมาณว่าผลิตและคิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และแน่นอนว่าผู้ซื้อควรเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำที่เขียนไว้ข้างกล่องซะดีๆอย่าดื้อดึง ใช้เยอะกว่ากำหนดอาจเกิดผลลัพธ์ไม่พึงปรารถนาได้!!)

ยกตัวอย่างให้เห็นความแตกต่างระหว่างเครื่องสำอางและเวชสำอาง
เช่น Night Cream หรือครีมบำรุงผิวยามค่ำคืน
เป็นที่รู้กันดี(หรือเปล่า?)ว่ามันแตกต่างจากDay Cream เพียงแค่มันมีส่วนผสมของน้ำมันมากกว่า ทำให้ชุ่มชื่นกว่า(และเหนอะหนะกว่า)เท่านั้นเอง
*หมายเหตุ* บางยี่ห้ออาจผสมสารกันแดดลงไปในDay Creamด้วย เป็นข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่ง

แต่ Night Creamของผลิตภัณฑ์เวชสำอางส่วนใหญ่
จะระบุว่าให้ใช้ในเวลากลางคืนเท่านั้นและเราก็ควรเชื่อฟังเป็นอย่างดี เนื่องจากอาจมีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ที่ไวต่อแสงอัลตร้าไวโอเลต เช่น Ratinal ซึ่งช่วยให้ผิวขาวใสแต่หากคุณใช้มันแล้วไปโดนแสงอัลตร้าไวโอเลตเข้า.... ทีนี้ล่ะคุณเอ๊ยย หน้าจะดำเป็นปื้น ดำแบบถึงเม็ดสีผิวเลยขัดยังไงก็ไม่ออกแหละ
สารที่ไวต่อแสงอัลตร้าไวโอเล็ตไม่ได้มีแค่เรตินอลเท่านั้น สารที่มีฤทธิ์เป็นกรดต่างๆแม้ตัวมันอาจจะไม่ได้มีผลกับแสงโดยตรง แต่ก็อาจทำให้ผิวของเราไวต่อแสงได้เช่นกัน ดังนั้นจะสังเกตได้ว่าหากDay Creamตัวไหนมีส่วนผสมของAcidต่างๆอยู่ด้วย มักมีค่าSPFที่สูงเอาการ (เกิน25ขึ้นไป) ทั้งนี้ก็ไม่เสมอไปนะคะ
เป็นแค่ข้อสังเกตของอิฉันเท่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละรายด้วยน่ะเจ้าค่ะ
เพื่อความปลอดภัยของความงาม เราก็ควรทาครีมกันแดดทุกวันนะเจ้าคะ อย่าไปหวังพึ่งพาแต่สารกันแดดในครีมต่างๆเท่านั้น(ยกเว้นคุณจะเป็นมนุษย์ออฟฟิศ ไม่ออกไปกินข้าวกลางวันนอกตึกเลย ใช้SPFมากกว่า15ขึ้นไปก็ปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว)


Dr.JART+ Rejuvinating Blemish Balm SPF10
เป็นบีบีที่เหมาะกับผิวพรรณของสาวเมืองหนาวและสาวผิวแห้ง(แต่ไม่แห้งมาก) สีของครีมจะค่อนข้างดูเข้มกว่าบีบี ครีมของยี่ห้ออื่นๆ(รวมถึงรุ่นอื่นของแบรนด์เดียวกันด้วย) แต่เมื่อเราทาลงไปบนผิวแล้วรอสักพักหนึ่ง เนื้อครีมก็จะกลมกลืนเป็นสีเข้ากับผิวเราไปเอง

หลังจากใช้บีบีตัวนี้แล้ว สีผิวจะดูสว่างขึ้นเล็กน้อย (ไม่มากเท่าของสกินฟู้ด แต่ไม่ถึงกับเป็นสีผิวเดียวกับผิวเราแบบอีทูดี้ บีบีหลอดสีฟ้า) เมื่อลงแป้งฝุ่นทับก็จะได้หน้าBrightแบบธรรมชาติ(เหมือนจะสวยขึ้นอย่างหาคำอธิบายไม่ได้)

จุดเด่นของรุ่นนี้คือ เนื้อครีมเจ้าค่ะ
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Rejuvinating คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ อุแม่เจ้า! เค้าทำได้จริงๆเจ้าค่ะ
เนื้อครีมเนียนมาก... มากจนซึมเข้าไปกลมกลืนกับผิวและทำให้ผิวดูเนียนละเอียดขึ้นมาทันตา ไม่ให้ความรู้สึกเหมือนโบกไว้ด้วยแป้งอย่างที่ครีมรองพื้นเป็น (ครีมรองพื้นบางชนิดเนื้อเนียนมากก็จริงแต่เมื่อแห้งแล้วจะกลายเป็นแป้งเคลือบอยู่บนผิว ซึ่งมันจะแตกปริทำให้หน้าเป็นรอยเวลาเรายิ้มน่ะเจ้าค่ะ ... เพราะอิฉันน่ะมีริ้วรอยบนใบหน้ามาแต่เด็กแล้วง่ะ มันจะทรมานใจมากถ้าอยากสวยต้องไม่ยิ้ม!)
เนื้อครีมเกลี่ยง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ (แต่ถ้าอากาศร้อนมากจนเหงื่อไหลตลอดเวลาคงไม่เหมาะจะใช้ตัวนี้แน่นอน) คงความชุ่มชื่นให้ผิวได้ยาวนาน

ข้อเสียสำหรับสาวผิวผสมอย่างอิฉัน ก็คือความมันที่จมูกนั่นเอง ต้องซับมันกันทุก2ชั่วโมงจึงจะดูแมทแบบผิวเนียน (แต่ถ้าไม่ซับหน้าก็ไม่มันเยิ้มนะเจ้าคะ มันจะเป็นเงาๆขึ้นมา คนอื่นอาจจะไม่สังเกตแต่อิฉันเห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองดูเหนื่อย ดูไม่สดใส ก็เลยต้องขยันซับหน้าหน่อยเจ้าค่ะ)

แม้จะมีข้อด้อยเรื่องการควบคุมความมัน แต่ด้วยเนื้อครีมสุดเจ๋งทำให้อิฉันทิ้งชิ้นนี้ไม่ลง ต้องหยิบมาใช้เรื่อยๆเมื่อจะไปงานหรือไปทำงานช่วงกลางคืน
อ้อ! SPF10ที่มีนั้นใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ (ไม่รู้จะมีทำไม???) ถ้าใช้บีบีตัวนี้ตอนกลางวัน ต้องใช้ครีมกันแดดก่อนนะเจ้าคะ

คะแนน : 8/10


วันพุธ, มกราคม 02, 2551

อาลัย


สุดกลั่นถ้อยคำลำนำโศก
สุดกลั้นวิปโยคโลกพลันหมอง
สุดฝืนกลืนกล้ำน้ำตานอง
สุดฟื้นแสงทองของปวงไทย
ด้วยสำนึกพระกรุณาเหล่าข้าบาท
แทนราษฎร์ด้วยจงรักจักขานไข
ส่งเสด็จสู่แดนฟ้าด้วยอาลัย
กัลยาณิวัฒนาสถิตย์ในใจนิรันดร์





ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
-CA09-

วันพุธ, ธันวาคม 26, 2550

บี.บี.ฟีเว่อร์ (ตอน Skin Food Gingko BB)


ห่างหายไปนานกับการReviewเรื่องบีบีครีม
เหตุจากการติดภารกิจช่วงเทศกาล แต่อิฉันก็ยังคงใช้บีบีอย่างต่อเนื่องนะเจ้าคะ
ใช้ๆไปก็เริ่มสังเกตได้ว่า ใบหน้าที่ปกติเป็นผิวแพ้ง่าย
(บ่อยครั้งที่เดินๆอยู่ข้างทางผจญฝุ่นควันแล้วอยู่ๆก็คันยิบๆที่ใบหน้า หรือบางทีกลับบ้านอาบน้ำล้างเครื่องสำอางออกแล้วพบว่ามีตุ่มแดงคันๆ หรือปื้นแดงๆขึ้นที่แก้ม)
ตอนนี้ไม่มีเลย (^^)

เข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ

นางเอกในวันนี้ส่งประกวดโดยค่ายอาหารผิวเช่นเดียวกับน้องเขียวนะเจ้าคะ คือ สกินฟู้ด จิงโกะ บีบีครีม
ผสมสารสกัดจากใบแปะก้วยเจ้าค่ะ

ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เป็นบีบีตัวแรกที่วางจำหน่ายในShop Skinfood ต่อจากนั้นไม่นานน้องเขียวและคุณเห็ดก็ตามมา (ตอนนี้ บีบีของสกินฟู้ดมี3ชนิดค่ะ มีน้องจิงโกะที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี่ มีน้องเขียวผสมสารสกัดจากอโลเวร่าและSPF20 และคุณเห็ดซึ่งผสมสารสกัดจากเห็ดรวมคุณสมบัติWhitening SPF20 บำรุงผิวล้ำลึก และปกปิดริ้วรอย จุดด่างดำ)

ขอเล่าถึงครั้งแรกที่อิฉันตัดสินใจเข้าไปซื้อบีบีของสกินฟู้ดก่อนนะเจ้าคะ ......
เดิมที อิฉันก็มุ่งหมายแต่BRTC(ที่ยังหาไม่ได้ คาใจมากๆเค่อะ ขอบอก!) แต่หลังจากที่อ่านReviewของสาวเมืองลอดช่องคนหนึ่งซึ่งเธอเป็นเจ้าแม่บีบีตัวจริง เธอก็แนะนำว่าบีบีครีมของสกินฟู้ดเป็นหนึ่งใน 'ชิ้นโปรด'ของเธอ สำหรับผู้เริ่มใช้บีบีแบรนด์นี้ไม่ควรพลาด เนื่องด้วยราคาที่ย่อมเยาว์และคุณภาพที่ดีเกินราคา
อิฉันก็เลยคิดว่าจะเข้าไปลองTesterดูเนื้อครีม ดูการซึมเข้าผิวและสีผิวหลังการใช้สักหน่อย

ตอนนั้นในใจคิดว่าถ้าจะซื้อคงซื้อชิ้นเดียวคือน้องเขียวอโลเวร่า เนื่องจากมีสารกันแดดและคุณสมบัติควบคุมความมันได้ดี(ตามที่อ่านมา) แต่ตอนที่อิฉันลองนั้นได้ลองป้ายกับท่อนแขนด้านในเจ้าค่ะ เรื่องควบคุมความมันได้ดีหรือไม่นั้นก็ยังไม่ทราบแน่ชัด(ก็แขนไม่มันนี่นา!!) ลองน้องเขียวแล้วก็พบว่าผิวของตัวเองขาวสว่างขึ้น แต่พอลองน้องจิงโกะก็ตกหลุมรักยากจะถอนตัว

ก็อย่างที่เคยเล่าว่า วันที่ไปซื้อของนั้นที่เกาหลีอุณหภูมิ1-2องศาเท่านั้น และเป็นที่รู้กันว่าอากาศในเกาหลี"แห้งมาก" เมื่อลองน้องเขียวรู้สึกMatteไปกับผิว แต่พอลงน้องจิงโกะปั๊บ...นอกจากผิวจะสว่างขึ้นดูมีสุขภาพดีแล้วยังมีความชุ่มชื่นที่ไม่เหนียวเหนอะหนะอีกด้วย เหมาะกับการใช้ในหน้าหนาวหรือสาวออฟฟิศที่เจอแต่แอร์แช่แข็งทุกๆวันจริงๆ

ผลการใช้ สกินฟู้ด จิงโกะ บีบีครีม
เนื้อครีม : ลักษณะเหลวเหมือนนมข้นหวาน(จะบอกว่าเหมือนLiquid Foundationคือรองพื้นแบบน้ำ ก็เกรงว่าคนที่ไม่เคยใช้รองพื้นแบบน้ำจะนึกภาพไม่ออก อิฉันเองตอนแรกยังเข้าใจว่ารองพื้นแบบน้ำจะเหลวเป๋วเหมือนน้ำดื่มเลย -__-' ) แต่เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวหนึบ ซึมลงผิวดีพอใช้ สำหรับอากาศเมืองไทยอิฉันใช้เวลาประมาณ2-3นาที คือหลังจากลงบีบีก็ต้องรอซักแป๊บในแน่ใจว่าเนื้อครีมซึมลงผิวไปแล้วแน่ๆจึงค่อยลงแป้งฝุ่นทับนะเจ้าคะ ไม่งั้นหน้าจะเป็นคราบไม่สวยไปทั้งวัน!!

คุณสมบัติการปกปิด :
สามารถปกปิดได้ดีพอใช้ ผิวดูเรียบเนียนมีสุขภาพดี แต่สำหรับสิวแดงและรอยแผลสิวที่ยังไม่จาง ควรใช้คอนซีลเลอร์ทับอีกรอบ(ถ้าไม่อยากให้เห็นเลย!) คือถ้าไม่ใช้คอนซีลเลอร์ก็ยังเห็นเป็นรอยจางๆน่ะเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าเรายังมีแป้งลงซ้ำอีกนะเนี่ย

การควบคุมความมัน : ไม่ช่วยควบคุมความมัน แต่ไม่ได้ทำให้หน้ามันขึ้นแต่อย่างใด คือหลังจากลงครีมแล้วหน้าไม่ได้ดูมันขึ้นเหมือนเวลาเราใช้ครีมกันแดดบางยี่ห้อ ผิวหน้าจะดูเรียบเนียน สว่างใส(ขาวขึ้น1step) ผิวดูมีความชุ่มชื้นสุขภาพดี(แบบDewy Skin ซึ่งเป็นเทรนด์แต่งหน้าที่ยุโรปกำลังฮิตในหน้าหนาวค่ะ บางคนจะเรียกเทรนด์นี้ว่า ลักษณะเหมือนผิววัยรุ่น... [ไม่ใช่มีสิววัยรุ่นนะเจ้าคะ!] คือดูไม่แห้งกร้าน มีความชุ่มชื่นยืดหยุ่นเหมือนวัยรุ่นที่ไม่ได้แต่งหน้าน่ะเจ้าคะ)
อิฉันใช้แล้วลงทับด้วยแป้งฝุ่น อยู่ได้ประมาณ3-4ชั่วโมงแล้วต้องใช้ทิชชู่ซับหน้าบริเวณจมูกค่ะ


คะแนน : 8/10 (เผื่อ1คะแนนสำหรับแบรนด์ที่ยังไม่มีในครอบครอง และหัก1คะแนนสำหรับการควบคุมความมันที่ไม่ดีเท่าน้องเขียว แต่สำหรับสาวผิวธรรมดา-ผิวแห้งน่าจะให้9/10 หรือ10/10ได้เลย)


สรุป : สกินฟู้ด จิงโกะ บีบีครีม มีราคาย่อมเยาว์กว่าน้องเขียวเล็กน้อย เป็นบีบีครีมที่น่าใช้สำหรับมือใหม่ เหมาะมากกับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวธรรมดา หรือผู้นิยมการแต่งหน้าแบบDewy Skin...ครีมตัวนี้ได้อย่างใจคุณแน่ๆค่ะ /// สำหรับสาวผิวผสมหรือผิวมัน แนะนำให้ใช้ควบคู่กับแป้งควบคุมความมันหรือลงเจลควบคุมความมันก่อนลงบีบีครีมตัวนี้บริเวณที่คุณมีผิวมันนะคะ แล้วคุณก็จะได้ผิวสว่างกระจ่างใสที่ดูมีสุขภาพดีจริงๆ ///

*** สาวที่ไม่นิยมการแต่งหน้า*** ชอบให้หน้าดูเป็นธรรมชาติ(แต่ธรรมชาติที่มีดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่!!!) ขอแนะนำขั้นตอนต่อไปนี้ 1. ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวคุณ 2. ขาดไม่ได้เลยคือโทนเนอร์แบบไร้แอลกอฮอล์ ถ้าขี้เกียจจริงๆให้ใช้สเปรย์น้ำแร่พ่นเอา 3. เอสเซนส์บำรุงอะไรสักอย่าง ไม่มีตังค์จริงๆให้ปลูกว่านหางจระเข้ไว้ในบ้าน ตัดมา1อันตอนเย็นล้างน้ำแล้วปอกเปลือกเขียวๆออกให้หมด ล้างยางให้หมด แล้วเอาแท่งวุ้นใส่ภาชนะมีฝาปิดแช่ตู้เย็นไว้ทั้งก้อน เช้ามาให้หั่นมา1แว่นหนาประมาณ1-1.5เซนติเมตร เตรียมไว้ เอามาใช้หลังโทนเนอร์นี่ ... เนื้อในของหางจระเข้หนึ่งแท่งใช้ได้ประมาณ4-5วัน แล้วแต่การเก็บรักษานะคะ ถ้าแห้งแล้วก็โยนทิ้งไปตัดเอาใหม่เถอะค่ะ 4. ผลิตภัณฑ์กันแดด (ต้องใช้อย่างยิ่ง แม้คุณจะผิวคล้ำก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าคุณจะไม่กร้านเพราะแดดเผา ถึงจะไม่ได้ทำงานกลางแดด แต่แสงยูวีก็ซอกซอนมาหาคุณได้ทุกที่แหละค่ะ สาวๆที่อายุไม่ถึง30อย่าประมาทไปเชียวเพราะมันสะสมนะคะ พออายุเลย30มันจะโผล่พรวดขึ้นมาแบบที่คุณอยากจะร้องไห้เลยแหละ!!!!)
5. สกินฟู้ด บีบี จิงโกะ ใช้นิดเดียวค่ะ บีบลงหลังมือแล้วค่อยๆเอานิ้วแตะมาแต้มหน้าทีละส่วน เช่น แตะครีมมาแล้วแต้ม3จุดบนหน้าผาก เกลี่ยๆปาดๆให้ทั่วหน้าผากจนเรีบยเนียนเสมอกัน แล้วค่อยลงมาที่จมูก แตะ2จุดที่จมูก เกลี่ยๆปาดๆจนจมูกเรียบเนียนเสมอกันและค่อยไปทำที่ส่วนอื่นแบบเดียวกัน
6. ใช้แปรงคิ้ว ปัดบริเวณคิ้วตามแนวเส้นขนคิ้ว (ปัดย้อนแนวขนคิ้วก็ได้ถ้าอยากให้คิ้วยุ่งๆ)
7. ออกจากบ้านได้ (อย่าลืมพกทิชชู่หรือกระดาษซับมัน ถ้าไม่มีตังค์ให้พกทิชชู่อย่างเดียว ซับมันได้ซับเหงื่อได้ เช็ดปาก เช็ดน้ำตาได้หมด!)

ว่านหางจระเข้ : แม้จะเป็นพืชพรรณธรรมชาติไม่ตัดต่อพันธุกรรม แต่คุณก็อาจแพ้ได้
ร่างกายคนเรามีAntibodyต่างกันนะคะ การที่ญาติโยมของคุณแพ้อะไร ไม่จำเป็นว่าคุณต้องแพ้ตามเค้าไปทุกสิ่ง อย่าเพิ่งวิตกจริตเกินเหตุ (อิฉันแพ้เครื่องสำอางอะไรก็เอาไปยกให้คุณนายมารดาและยัยน้องสาวทุกที ไม่เห็นใครจะบ่นมีแต่บอกว่าใช้ดี๊ดี (ของฟรีก็เงี้ยะ ดีไปหมด (-*-) )

คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าใช้หางจระเข้สดไม่ได้เพราะใช้แล้วคันยิบๆ พาลนึกว่าตัวเองแพ้ไปซะงั้น
ขอบอกว่า...ไม่แน่นะคะ
ประเด็นคือ หางจระเข้มียางค่ะ ไม่ใช่เมือกใสๆแต่เป็นยางจากเปลือกสีเขียวๆนั่นแหละ สังเกตเวลาตัดที่โคนใบเมื่อหงายดูจะเห็นน้ำยางสีขาวซึมอยู่รอบๆวง ยางไม้ยางพืชส่วนใหญ่มนุษย์เรามักจะแพ้กันอยู่แล้ว
เวลาตัดปั๊บเราจึงควรล้างน้ำเปล่าก่อนหนึ่งรอบนะคะ ทั้งนี้เพื่อล้างฝุ่นที่เกาะอยู่ตามใบออกไปด้วย
จากนั้นจึงปอกเปลือก เนื้อในจะขาวใสลักษณะคล้ายวุ้นแท่ง แม้ปอกเปลือกแล้วแต่น้ำยางยังอยู่ตามผิวมัน
เราก็ต้องล้างน้ำอีกรอบให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำแป๊บนึงแล้วนำเข้าตู้เย็นค่ะ
เราจะใช้ประโยชน์จากเมือกเหลวในตัวแท่งจึงต้องหั่นเป็นแว่น แล้วเอาแว่นที่มีน้ำวุ้นมาทาบนใบหน้า แรกๆทาอาจจะรู้สึกตึงนิดหน่อย คันยิบๆเล็กน้อยบริเวณที่เป็นสิว แต่ถ้าหน้าไม่แดงขึ้น หรือแสบลอก ก็แสดงว่าไม่แพ้ค่ะ... ใช้ไปเรื่อยๆอาการยิบๆจะหายไปเอง


คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะดูดีและมีผิวสุขภาพดีได้นะคะ

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 20, 2550

บี.บี.ฟีเว่อร์ (ตอน Skin Food Aloe BB SPF20)

บี.บี.ซีรี่ส์วันนี้นำแสดงโดย น้องเขียว..
บีบีครีมสูตรผสมสารกันแดดและสารสกัดจากว่านหางจรเข้ เพื่อคุณสมบัติกันแดดและควบคุมความมัน ส่งประกวดโดยค่ายอาหารผิว(Skinfood)เจ้าค่ะ

อิฉันก็บรรเลงโดยใช้สูตรเดิม คือปล่อยน้องเขียวลงสนามผิวหน้าเป็นขั้นสุดท้าย (นางเอกปรากฎตัวทีหลังเสมอ)
ผลหรือเจ้าคะ.....แจ่ม เด่น เว่อร์เจ้าค่ะ -*-
คือ หลังจากลงเจ้าบีบีSPF20นี่ไปแล้ว ผิวหน้าสว่างเด่นขึ้นมาประมาณ2stepsเลยทีเดียว ประมาณว่าถ้าปกติใช้แป้งเบอร์03 พอลงเจ้านี่เรียบร้อยก็เหมือนกับเราหยิบแป้งเบอร์01มาโบ๊ะยังไงยังงั้น
แม้ว่าผิวหน้าเราจะไม่ดูChalky (Chalky = เหมือนมีแป้งหนาๆฉาบอยู่)
แต่ความที่มันBrightวืบขึ้นมาอิฉันเลยแอบเสียความมั่นใจ(ก็ตัวอิฉันในกระจกมันดันกระซิบว่า อีวอกๆ)

ทำไงดีล่ะทีนี้???

ไม่รอช้า อิฉันรีบหยิบแป้งอัดแข็งแบบไม่ผสมรองพื้น(Press Powder)ที่คิดว่าจะไม่มีวันหยิบมาใช้และจะยกให้ยัยน้องสาวทันทีที่มีโอกาส เพราะมันคนละเบอร์กับสีผิวอิฉันนั่นเอง(ประเภททาทีไร ใครๆก็ทักว่า'โดนของ' หน้าตาหม่นหมอง อาภัพ อัพโชค เคราะห์ซ้ำกรรมซัดซะงั้น)
ใช้พัฟฟูตบแป้งป้าบๆๆให้ทั่วใบหน้า โอว....มันยังดูขาวอยู่เลย ทำไงดีวะเจ้าคะเนี่ย!!! อ้อ พรางตาด้วยบลัชออนสีน้ำตาลดีกว่า ---> ว้าก ไม่มี -*- ทีจะใช้ละก็หาไม่ยักเจอ เอาละวา..แท็กซี่ก็มารับแล้ว บีบแตรปู๊นป๊านอยู่หน้าบ้านนั่น
น้ำตาลไม่มี เอาโทนสีพีชก็ได้ฟระ---> ไวเท่าความคิด หยิบตลับบลัชออนได้เปิดปั๊บ คว้าแปรงปุ๊บ พรึ่บๆๆๆลงที่แก้มด้วยความเร็วแสง ... นั่งแป้นแล้นบนแท็กซี่ได้ก็คว้ากระจกมาส่อง---> แม่ยาย! ไอ้บลัชออนที่ทานี่มันสีแดง (-___-')

คุณเจ้าคะ สิ่งต้องห้ามสำหรับหน้าขาววอกอันดับหนึ่งคือบลัชออนสีโทนแดง
ถึงมันจะไม่ได้แดงแปร๊ดแดงแปร๋ก็เหอะ เพราะมันจะตัดกันเช้ะกับหน้าขาววอกของคุณ
เดชะบุญที่MAC COYGIRL ไม่ใช่สีแดงแจ่มจัดและอิฉันแตะแปรงลงไปแบบยั้งมือมาก เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะปัดแก้มแต่ตั้งใจจะพรางสีผิวที่ขาวเว่อร์ซะมากกว่า
เดินในDaylightก็จะไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่พอเข้าห้างเจอแสงเหลืองแล้วก็ค่อยยังชั่ว เฮ้อ! (-____-)

วิจารณ์การแสดง : คุณสมบัติของน้องเขียวถูกใจอิฉันมาก
เนื่องด้วยมีเนื้อครีมที่เกลี่ยง่าย ซึมเร็วพอใช้และมีสารกันแดด
** ที่สำคัญ...ควบคุมความมันได้ดีมาก(หลังใช้ไป 6ชั่วโมง จมูกอิฉันมีความมันขึ้นมากระจิ๊ดเดียว จิ๊ดเดียวขนาดเอานิ้วชี้แตะปลายจมูกเบาๆแล้วความมันก็หายไปเลยน่ะเจ้าค่ะ ไม่ต้องถึงขั้นใช้กระดาษซับมันเลย)

คุณสมบัติเด่นอีกอย่างของน้องเขียว คือ ปรับสีผิวให้ขาวสว่างกระจ่างใส
เหมาะสำหรับสาวผิวขาวที่มีใบหน้ากร้านแดด ประมาณคอขาวหน้าคล้ำ จะใช้น้องเขียวเดี่ยวๆได้ดีเลิศ
แต่อิฉันเป็นมนุษย์ผิวเหลืองน่ะเจ้าค่ะ คือ ผิวขาวเหลืองแต่เป็นขาว-เหลืองขั้นที่สอง(แบบว่าถ้าขั้นที่หนึ่งต้องยกให้น้องหมวยจีนอ่ะนะ) พอปล่อยน้องเขียวนำแสดงบนผิวอิฉันแล้วหน้า+คอก็ดูขาวผ่อง ในขณะที่แขนมันฟ้องว่ายัยนี่ผิวเหลือง คือมันคนละโทนกันไง(ถ้าใส่เสื้อแขนยาวคงโอเค)

สรุป : Skinfood Aloe Sun BB Cream SPF20 เป็นบีบีครีมที่คุ้มเกินราคา เมื่อเทียบกับยี่ห้อแพงๆแล้วนับว่าได้คุณภาพใกล้เคียงกันเจ้าค่ะ โดยเฉพาะคุณสมบัติควบคุมความมันนี่ต้องยอมรับเธอจริงๆว่าเยี่ยมมาก
ให้คะแนน 8/10ไปเลยละกัน (กั๊ก1คะแนนไว้ให้BRTCแบรนด์ในwishlist หักครึ่งคะแนนที่ไม่เข้ากับสีผิวเดี๊ยน และอีกครึ่งคะแนนในเรื่องการปรับสภาพผิวยังเทียบกับบางแบรนด์ไม่ได้เจ้าค่ะ)

*หมายเหตุ* อิฉันต้องการทดสอบคุณสมบัติบีบีครีมแต่ละตัวที่ซื้อมา จึงลองใช้เดี่ยวๆไปทีละชิ้น
ถ้าจะใช้ให้Practical(เหมาะกับชีวิตจริง) อิฉันหมายใจจะใช้คู่กันกับEtude B.B.Magic Cream SPF30
เนื่องด้วยอิฉันมีสีผิวขาว-เหลือง ผิวมันบริเวณทีโซน และผิวธรรมดาบริเวณแก้ม (และตอนนี้มีสิวมากมายบริเวณคาง!) สกินฟู้ดน้องเขียวน่าจะใช้ได้ดีบริเวณที-โซนในฐานะผู้ควบคุมความมันและไฮไลท์
ส่วนอีทูดี้น้องฟ้าก็มีสีกลมกลืนกับผิวและให้ลุคที่เป็นธรรมชาติดี ปัดแก้มสีอะไรก็งาม (^__^ )

อ้อ! คะแนนที่ให้ก็เป็นคะแนนความพอใจของอิฉันนะเจ้าคะ สำหรับคนที่แพ้ก็น่าจะไม่ดี หรือคนผิวแห้งก็น่าจะไม่ชอบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วยเจ้าค่ะ
จากการตะลุยอ่านReviewของสาวจีน+สาวฝรั่ง ผู้ใช้Skinfood BBบางรายก็บอกว่ามีอาการแพ้ทำให้ผิวเห่อและบางรายก็มีสิวแพ้ขึ้นฟึ่บ ((แต่ไม่มากเท่าเสียงประณามTHE FACESHOPหรอกน่ะ แบรนด์นี้มาเสียท่าเอาเรื่องB.B. Creamนี่เอง แทบ"ทุกราย"ที่ใช้ต่างผิดหวังในคุณภาพของผลิตภัณฑ์กันหมด ทุกคุณสมบัติเห่ยแบบไม่น่าให้อภัย ทำให้อิฉันไม่กล้าลองเพราะปกติตัวเองก็แพ้ง่ายกว่าชาวบ้านเขาอยู่แล้ว!))

อย่างไรก็ตาม อิฉันก็ยังว่าบีบีครีมของค่ายสกินฟู้ดคุ้มค่าน่าลองนะเจ้าคะ ถ้าถึงกับต้องโยนทิ้งก็ไม่น่าเสียดายตังค์เท่าไหร่เทียบกับผลลัพธ์ที่จะได้ (แนะนำให้ใช้อย่างยิ่งนะเจ้าคะ สำหรับสาวผิวมัน!!!)




วันพุธ, ธันวาคม 19, 2550

บี.บี. ยังฟีเว่อร์อยู่ (ตอน Etude+SPF)




ตัวแรกที่อยากแนะนำคือ B.B.Magic Cream SPF30
เป็น บีบีแบบมีกันแดดของยี่ห้อEtudeเจ้าค่ะ
เดิมทีอิฉันเคยซื้อบีบีครีม(แบบไม่มีกันแดด)ของยี่ห้อนี้ให้เพื่อนสาวคนหนึ่งมาแล้ว แต่ตอนนั้นอิฉันยังไม่ทราบว่าเจ้าบีบีนี่มันดียังไง
ไพล่ไปนึกว่ามันเขียนย่อตามเสียงเรียก... คิดไปเองว่ามันคงอ่านว่า 'บีบี้' แบบว่าคงผันมาจาก 'เบบี้' ประมาณจะออกเสียงให้น่ารักอะไรทำนองนั้น [เชยแหลก!!] (-_-')
ก็นึกว่าเป็นครีมหน้าเด็กอยู่นานเชียวแหละ พอดีไม่ได้อยากหน้าเด็กเลยไม่สนใจ (ก็หน้าแก่แซงใครมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ ป่วยการจะไปพยายามกระชากวัยใบหน้า!)

ก่อนซื้อ อิฉันลองtestที่ร้านแล้ว
เนื้อครีมหายวับไปในเวลาเสี้ยววินาที คงเป็นเพราะตอนที่ลองนั้นที่เกาหลีหนาวประมาณ-1ถึง2องศาน่ะเจ้าค่ะ
สีสันของครีมเป็นสีเนื้อออกโทนเหลือง มีความเงาเล็กน้อย(คาดว่าน่าจะเป็นไทเทเนียมไดออกไซด์ที่ผสมลงไปเพื่อคุณสมบัติกันแดดนั่นเอง)
นึกฝันไปว่า เมื่อนำมาใช้ที่เมืองไทยยามอากาศร้อนคงจะไม่เหนียวเหนอะหนะ และอาจจะทำให้หน้าไม่มันไปได้สักระยะ .... ตื่นจากภวังค์ ตังค์ก็บินไปสู่มือแคชเชียร์เรียบร้อย

ผลการใช้จริง : อิฉันลงบีบีของEtudeแบบมีกันแดด ตามขั้นตอนต่อไปนี้เจ้าค่ะ
1.) หลังล้างหน้า ลงเซกิเซโลชั่น
2.) เจลแต้มสิว
3.) เอสเซ้นส์(ทั่วหน้า)
4.) อาย ครีม(รอบดวงตา)
5.) มอยเจอไรเซอร์ (บนพื้นที่ที่เหลือ เว้นส่วนที่เป็นสิว)
6.) บีบี แมจิกครีม SPF30 (สำหรับวันธรรมดาไม่อยู่กลางแดดนานนัก ใช้ตัวนี้แล้วตัดขั้นตอนการลงครีมกันแดดไปได้เลย ดีจัง!)
วิธีลงบีบีครีม อิฉันใช้วิธีเดียวกับการลงเบสหรือรองพื้นชนิดน้ำทั่วไป คือบีบเนื้อครีมลงบนหลังมือเล็กน้อยแล้วใช้ปลายนิ้วแต้มครีมจากหลังมือ จิ้มลงที่ใบหน้าแล้วค่อยๆเกลี่ยๆๆๆ เกลี่ยเสร็จก็แต้มครีมจากหลังมือมาอีก ทำซ้ำๆจนทั่วใบหน้า (ก็ลงให้เสร็จเป็นส่วนๆไปน่ะค่ะ เริ่มจากหน้าผาก จมูก แก้มซ้าย แก้มขวา และคาง)



Etude B.B.Magic Cream SPF30
สีเนื้อออกโทนเหลืองทอง เกลี่ยง่าย ค่อนข้างซึมเร็ว(ไม่เหนียวเหนอะหนะ สบายผิวดีมาก) หลังลงเสร็จให้สีผิวธรรมชาติของผิวเราจริงๆ
ไม่ค่อยปกปิดรอยสิว รอยแดงเท่าไหร่(แต่ก็ไม่ทำให้เห็นชัดมากขึ้น คือดีกว่าไม่ทาอะไรเลยนั่นเอง)
หลังทิ้งไว้ประมาณ1ชั่วโมงจมูกก็เริ่มมันแล้ว แต่แก้มโอเคตลอดรายการ(6ชั่วโมง)
สรุปได้ว่า หวังพึ่งเรื่องควบคุมความมันไม่ได้(ควรใช้แป้งชนิดควบคุมความมันลงหลังจากใช้บีบีตัวนี้แล้ว)
หนุ่ม-สาวผิวแห้งหรือผิวธรรมดา ผู้รักการแต่งหน้าแบบธรรมชาติคงใช้ดีมากเลยแหละ
หรือจะเป็นคนที่ไม่ชอบแต่งหน้าแต่อยากมีผิวสุขภาพดีก็น่าจะชื่นชอบกันเลยทีเดียว อิฉันว่าผู้ชายก็น่าจะใช้ได้ดีเลยนะเจ้าคะ เพราะสีมันธรรมชาติม้าก-มากไม่ทำให้ดูเป็นหนุ่มตุ้งติ้งหรอกเจ้าค่ะ
((จากReviewของผู้ใช้หลายๆคนบอกว่า เมื่อใช้ต่อเนื่องสักระยะทุกคนสังเกตได้ว่าสภาพผิวของตัวเองดีขึ้น สิวก็น้อยลงด้วยเจ้าค่ะ))
ให้คะแนน7.5/10 ก็แล้วกัน (หักคะแนนจมูกมันเร็ว กับคะแนนการซึมของเนื้อครีมที่สู้Skinfood Gingko B.B.Creamไม่ได้ และกั๊กคะแนนไว้สำหรับBRTCยี่ห้อดังที่อิฉันยังไม่มีไว้ในครอบครองน่ะเจ้าค่ะ)

วันอังคาร, ธันวาคม 18, 2550

บี.บี.ฟีเวอร์


จำไม่ได้แน่ว่าไปไงมาไงอิฉันถึงเกิดบ้าB.B.Creamขึ้นมาได้
อยู่ๆก็ฮึดsearchเรื่องบีบี แล้วก็อ่านๆๆReviewของผู้ใช้หลายๆคน
จากนั้นอิฉันก็ประมวลข้อมูลทั้งหลาย จดๆๆๆๆๆ
แล้วเกิดสรุป(เอาเอง)จากข้อมูลที่ได้มาว่า
B.B.Creamยี่ห้อที่เจ๋งสุดคือ BRTC

ถึงแม้ต้นกำเนิดบีบีจะมาจากเยอรมัน
แต่ปรากฎว่ากระแสในเยอรมันก็ไม่ได้แรงอะไรมากมาย
นี่เลย... เกาหลีค่ะ แรงสุดๆ
แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีทุกแบรนด์มีบีบีของตัวเองหมด!!
ทริปเกาหลีของอิฉันคราวนี้จึงปกคลุมไปด้วยไอกิเลสหนาแน่น ยากต้านทานฟันฝ่าออกไปได้

เดิมทีอิฉันตั้งใจจะ "ลองดู" เท่านั้น
ตั้งเป้าไว้ว่าจะสอยมาซัก2แบรนด์Top Form (เผื่อว่าแพ้ยี่ห้อหนึ่งก็ยังเหลืออีกยี่ห้อไง)
สองแบรนด์ในใจนั้นคือ BRTC และ Dr.Jart+ เจ้าค่ะ

โดยปกติแล้วอิฉันมีผิวหน้าเป็นผิวธรรมดา-ผิวผสม บวกกับผิวแพ้ง่าย ไวต่อการระคายเคืองทุกรูปแบบ
พูดง่ายๆคือไม่ได้มีผิวสวยอะไรเลย (หน้าตาก็ไม่ได้งามอยู่แล้ว ผิวเห่ยอีก..จบกัน!)
หนำซ้ำช่วงนี้แพ้อะไรไม่รู้(คาดว่าเป็นเครื่องสำอางค์จำพวกMineralsทั้งหลายนั่นเอง)
น่าจะเข็ดหลาบได้นานแล้ว แต่ก็ตกเป็นเหยื่อกระแสทู้กก..กกกกทีสิน่า -*-
คืออิฉันเนี่ยค่อนข้างแพ้เครื่องสำอางและMakeupจากฝั่งตะวันตกเจ้าค่ะ
พวกนวัตกรรมcoolๆของอเมริกา ยุโรปเนี่ย ให้แพงสุดแพงยังไงอิฉันก็แพ้มันได้เรื่อยๆ
(ตอนนี้ค่อยๆกระดึ๊บคืบคลานมาเริ่มใช้M.A.Cบ้างแล้ว หลังจากที่อ่านรีวิวจากบล็อกของเพื่อนสมัยม.ต้น
ที่เธอผันตัวเป็นBeauty Guru ประจำเว็บความงามไปเรียบร้อย... โอ้ว กิเลสหนอ กิเลสหนอ -__-')

บี.บี.ครีมคืออะไร?

ใครยังไม่ทราบก็ขอให้ลองหาข้อมูลดูนะเจ้าคะ
อิฉันก็อ่านๆเอาจากภาษาต่างประเทศนั่นล่ะ จะแปลก็เกรงว่าจะไม่ตรงซะทีเดียว
เอาเป็นคร่าวๆก็ประมาณว่า เดิมทีเจ้าครีมนี่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่เข้าคอร์สรักษาผิวหน้าทั้งหลายน่ะ
คือ ถ้าใครเคยไปทำทรีทเม้นต์ใบหน้าจำพวกเลเซอร์ AHA หรือผลัดเซลผิวด้วยกรรมวิธีนานา
จะพบว่าหลังจากทำแล้ว หน้าจะแดงงงง..งงง แล้วก็ไวต่อแสง ไวต่อแดด แล้วก็อดแต่งหน้า
ห้ามโดนครีมหรือเครื่องสำอางใดๆ นอกจากครีมที่หมอให้มา3วัน-7วัน แล้วแต่ว่าไปทำอะไรมาล่ะเจ้าค่ะ

เจ้าบีบี จะขี่ม้าขาวมาช่วยสาวๆก็ตอนนี้
โดยมันจะทำหน้าที่คล้ายเบสปรับสภาพผิว ต่อต้านรอยแดงเห่อนั่น (B.B.ย่อมาจากBlemish Balmไง)
คนที่มีผิวแพ้ง่าย(ที่จริงก็ไม่เชิงแพ้นะเจ้าคะ sensitiveนี่มันจะเป็นแนวผิวไวต่อการถูกกระตุ้นมากกว่า แต่คนไทยก็เรียกลักษณะอย่างนี้ว่าแพ้นั่นแหละ) แบบว่าบางทีอากาศเย็นๆผิวหน้าก็จะแดงขึ้นมา แล้วก็คันยิบๆแถวแก้มแล้วก็เป็นเหมือนขุยๆเล็กๆน่ะเจ้าค่ะ
เจ้าบีบีนี่จะไม่มีผลต่อผิวแพ้ง่ายเหมือนกับเครื่องสำอางเนื้อครีมอื่นๆ
คือเวลาที่เรามีปื้นแดงแบบนั้น ถ้าเอารองพื้นไปทาบางทีจะยิ่งแห้งยิ่งคัน บางทีถึงขั้นแสบผิวหนักเข้าไปอีก

บี.บี.ถูกออกแบบมาช่วยเหลือสาวๆแก้มแดง(อย่างที่เราไม่ต้องการ)
ดังนั้นพลพรรคบี.บี.ครีมทั้งหลายจึงมีสีตามสีผิว(ในยาม)ปกติ ก็จำพวกสีเนื้อนั่นล่ะค่ะ
แถมด้วยคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถที่จะปรับตัวเองเข้ากับทุกสีผิวได้
บี.บี.ครีมจึงไม่มีเฉดสีให้เลือก แต่ละยี่ห้อก็มีสีเดียวเป็นเฉดของตัวเอง เราก็แค่เลือกยี่ห้อที่มีคุณสมบัติเหมาะกับผิวของเราก็พอเจ้าค่ะ

ว่างๆจะมาแนะนำบี.บี.ในสต็อกของอิฉันให้รู้จักกันนะเจ้าคะ
ตอนนี้ง่วงแระ ไปนอนดีก่า ^^



Get this widget | Track details | eSnips Social DNA