วันพุธ, ธันวาคม 26, 2550

บี.บี.ฟีเว่อร์ (ตอน Skin Food Gingko BB)


ห่างหายไปนานกับการReviewเรื่องบีบีครีม
เหตุจากการติดภารกิจช่วงเทศกาล แต่อิฉันก็ยังคงใช้บีบีอย่างต่อเนื่องนะเจ้าคะ
ใช้ๆไปก็เริ่มสังเกตได้ว่า ใบหน้าที่ปกติเป็นผิวแพ้ง่าย
(บ่อยครั้งที่เดินๆอยู่ข้างทางผจญฝุ่นควันแล้วอยู่ๆก็คันยิบๆที่ใบหน้า หรือบางทีกลับบ้านอาบน้ำล้างเครื่องสำอางออกแล้วพบว่ามีตุ่มแดงคันๆ หรือปื้นแดงๆขึ้นที่แก้ม)
ตอนนี้ไม่มีเลย (^^)

เข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ

นางเอกในวันนี้ส่งประกวดโดยค่ายอาหารผิวเช่นเดียวกับน้องเขียวนะเจ้าคะ คือ สกินฟู้ด จิงโกะ บีบีครีม
ผสมสารสกัดจากใบแปะก้วยเจ้าค่ะ

ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เป็นบีบีตัวแรกที่วางจำหน่ายในShop Skinfood ต่อจากนั้นไม่นานน้องเขียวและคุณเห็ดก็ตามมา (ตอนนี้ บีบีของสกินฟู้ดมี3ชนิดค่ะ มีน้องจิงโกะที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี่ มีน้องเขียวผสมสารสกัดจากอโลเวร่าและSPF20 และคุณเห็ดซึ่งผสมสารสกัดจากเห็ดรวมคุณสมบัติWhitening SPF20 บำรุงผิวล้ำลึก และปกปิดริ้วรอย จุดด่างดำ)

ขอเล่าถึงครั้งแรกที่อิฉันตัดสินใจเข้าไปซื้อบีบีของสกินฟู้ดก่อนนะเจ้าคะ ......
เดิมที อิฉันก็มุ่งหมายแต่BRTC(ที่ยังหาไม่ได้ คาใจมากๆเค่อะ ขอบอก!) แต่หลังจากที่อ่านReviewของสาวเมืองลอดช่องคนหนึ่งซึ่งเธอเป็นเจ้าแม่บีบีตัวจริง เธอก็แนะนำว่าบีบีครีมของสกินฟู้ดเป็นหนึ่งใน 'ชิ้นโปรด'ของเธอ สำหรับผู้เริ่มใช้บีบีแบรนด์นี้ไม่ควรพลาด เนื่องด้วยราคาที่ย่อมเยาว์และคุณภาพที่ดีเกินราคา
อิฉันก็เลยคิดว่าจะเข้าไปลองTesterดูเนื้อครีม ดูการซึมเข้าผิวและสีผิวหลังการใช้สักหน่อย

ตอนนั้นในใจคิดว่าถ้าจะซื้อคงซื้อชิ้นเดียวคือน้องเขียวอโลเวร่า เนื่องจากมีสารกันแดดและคุณสมบัติควบคุมความมันได้ดี(ตามที่อ่านมา) แต่ตอนที่อิฉันลองนั้นได้ลองป้ายกับท่อนแขนด้านในเจ้าค่ะ เรื่องควบคุมความมันได้ดีหรือไม่นั้นก็ยังไม่ทราบแน่ชัด(ก็แขนไม่มันนี่นา!!) ลองน้องเขียวแล้วก็พบว่าผิวของตัวเองขาวสว่างขึ้น แต่พอลองน้องจิงโกะก็ตกหลุมรักยากจะถอนตัว

ก็อย่างที่เคยเล่าว่า วันที่ไปซื้อของนั้นที่เกาหลีอุณหภูมิ1-2องศาเท่านั้น และเป็นที่รู้กันว่าอากาศในเกาหลี"แห้งมาก" เมื่อลองน้องเขียวรู้สึกMatteไปกับผิว แต่พอลงน้องจิงโกะปั๊บ...นอกจากผิวจะสว่างขึ้นดูมีสุขภาพดีแล้วยังมีความชุ่มชื่นที่ไม่เหนียวเหนอะหนะอีกด้วย เหมาะกับการใช้ในหน้าหนาวหรือสาวออฟฟิศที่เจอแต่แอร์แช่แข็งทุกๆวันจริงๆ

ผลการใช้ สกินฟู้ด จิงโกะ บีบีครีม
เนื้อครีม : ลักษณะเหลวเหมือนนมข้นหวาน(จะบอกว่าเหมือนLiquid Foundationคือรองพื้นแบบน้ำ ก็เกรงว่าคนที่ไม่เคยใช้รองพื้นแบบน้ำจะนึกภาพไม่ออก อิฉันเองตอนแรกยังเข้าใจว่ารองพื้นแบบน้ำจะเหลวเป๋วเหมือนน้ำดื่มเลย -__-' ) แต่เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวหนึบ ซึมลงผิวดีพอใช้ สำหรับอากาศเมืองไทยอิฉันใช้เวลาประมาณ2-3นาที คือหลังจากลงบีบีก็ต้องรอซักแป๊บในแน่ใจว่าเนื้อครีมซึมลงผิวไปแล้วแน่ๆจึงค่อยลงแป้งฝุ่นทับนะเจ้าคะ ไม่งั้นหน้าจะเป็นคราบไม่สวยไปทั้งวัน!!

คุณสมบัติการปกปิด :
สามารถปกปิดได้ดีพอใช้ ผิวดูเรียบเนียนมีสุขภาพดี แต่สำหรับสิวแดงและรอยแผลสิวที่ยังไม่จาง ควรใช้คอนซีลเลอร์ทับอีกรอบ(ถ้าไม่อยากให้เห็นเลย!) คือถ้าไม่ใช้คอนซีลเลอร์ก็ยังเห็นเป็นรอยจางๆน่ะเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าเรายังมีแป้งลงซ้ำอีกนะเนี่ย

การควบคุมความมัน : ไม่ช่วยควบคุมความมัน แต่ไม่ได้ทำให้หน้ามันขึ้นแต่อย่างใด คือหลังจากลงครีมแล้วหน้าไม่ได้ดูมันขึ้นเหมือนเวลาเราใช้ครีมกันแดดบางยี่ห้อ ผิวหน้าจะดูเรียบเนียน สว่างใส(ขาวขึ้น1step) ผิวดูมีความชุ่มชื้นสุขภาพดี(แบบDewy Skin ซึ่งเป็นเทรนด์แต่งหน้าที่ยุโรปกำลังฮิตในหน้าหนาวค่ะ บางคนจะเรียกเทรนด์นี้ว่า ลักษณะเหมือนผิววัยรุ่น... [ไม่ใช่มีสิววัยรุ่นนะเจ้าคะ!] คือดูไม่แห้งกร้าน มีความชุ่มชื่นยืดหยุ่นเหมือนวัยรุ่นที่ไม่ได้แต่งหน้าน่ะเจ้าคะ)
อิฉันใช้แล้วลงทับด้วยแป้งฝุ่น อยู่ได้ประมาณ3-4ชั่วโมงแล้วต้องใช้ทิชชู่ซับหน้าบริเวณจมูกค่ะ


คะแนน : 8/10 (เผื่อ1คะแนนสำหรับแบรนด์ที่ยังไม่มีในครอบครอง และหัก1คะแนนสำหรับการควบคุมความมันที่ไม่ดีเท่าน้องเขียว แต่สำหรับสาวผิวธรรมดา-ผิวแห้งน่าจะให้9/10 หรือ10/10ได้เลย)


สรุป : สกินฟู้ด จิงโกะ บีบีครีม มีราคาย่อมเยาว์กว่าน้องเขียวเล็กน้อย เป็นบีบีครีมที่น่าใช้สำหรับมือใหม่ เหมาะมากกับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวธรรมดา หรือผู้นิยมการแต่งหน้าแบบDewy Skin...ครีมตัวนี้ได้อย่างใจคุณแน่ๆค่ะ /// สำหรับสาวผิวผสมหรือผิวมัน แนะนำให้ใช้ควบคู่กับแป้งควบคุมความมันหรือลงเจลควบคุมความมันก่อนลงบีบีครีมตัวนี้บริเวณที่คุณมีผิวมันนะคะ แล้วคุณก็จะได้ผิวสว่างกระจ่างใสที่ดูมีสุขภาพดีจริงๆ ///

*** สาวที่ไม่นิยมการแต่งหน้า*** ชอบให้หน้าดูเป็นธรรมชาติ(แต่ธรรมชาติที่มีดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่!!!) ขอแนะนำขั้นตอนต่อไปนี้ 1. ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวคุณ 2. ขาดไม่ได้เลยคือโทนเนอร์แบบไร้แอลกอฮอล์ ถ้าขี้เกียจจริงๆให้ใช้สเปรย์น้ำแร่พ่นเอา 3. เอสเซนส์บำรุงอะไรสักอย่าง ไม่มีตังค์จริงๆให้ปลูกว่านหางจระเข้ไว้ในบ้าน ตัดมา1อันตอนเย็นล้างน้ำแล้วปอกเปลือกเขียวๆออกให้หมด ล้างยางให้หมด แล้วเอาแท่งวุ้นใส่ภาชนะมีฝาปิดแช่ตู้เย็นไว้ทั้งก้อน เช้ามาให้หั่นมา1แว่นหนาประมาณ1-1.5เซนติเมตร เตรียมไว้ เอามาใช้หลังโทนเนอร์นี่ ... เนื้อในของหางจระเข้หนึ่งแท่งใช้ได้ประมาณ4-5วัน แล้วแต่การเก็บรักษานะคะ ถ้าแห้งแล้วก็โยนทิ้งไปตัดเอาใหม่เถอะค่ะ 4. ผลิตภัณฑ์กันแดด (ต้องใช้อย่างยิ่ง แม้คุณจะผิวคล้ำก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าคุณจะไม่กร้านเพราะแดดเผา ถึงจะไม่ได้ทำงานกลางแดด แต่แสงยูวีก็ซอกซอนมาหาคุณได้ทุกที่แหละค่ะ สาวๆที่อายุไม่ถึง30อย่าประมาทไปเชียวเพราะมันสะสมนะคะ พออายุเลย30มันจะโผล่พรวดขึ้นมาแบบที่คุณอยากจะร้องไห้เลยแหละ!!!!)
5. สกินฟู้ด บีบี จิงโกะ ใช้นิดเดียวค่ะ บีบลงหลังมือแล้วค่อยๆเอานิ้วแตะมาแต้มหน้าทีละส่วน เช่น แตะครีมมาแล้วแต้ม3จุดบนหน้าผาก เกลี่ยๆปาดๆให้ทั่วหน้าผากจนเรีบยเนียนเสมอกัน แล้วค่อยลงมาที่จมูก แตะ2จุดที่จมูก เกลี่ยๆปาดๆจนจมูกเรียบเนียนเสมอกันและค่อยไปทำที่ส่วนอื่นแบบเดียวกัน
6. ใช้แปรงคิ้ว ปัดบริเวณคิ้วตามแนวเส้นขนคิ้ว (ปัดย้อนแนวขนคิ้วก็ได้ถ้าอยากให้คิ้วยุ่งๆ)
7. ออกจากบ้านได้ (อย่าลืมพกทิชชู่หรือกระดาษซับมัน ถ้าไม่มีตังค์ให้พกทิชชู่อย่างเดียว ซับมันได้ซับเหงื่อได้ เช็ดปาก เช็ดน้ำตาได้หมด!)

ว่านหางจระเข้ : แม้จะเป็นพืชพรรณธรรมชาติไม่ตัดต่อพันธุกรรม แต่คุณก็อาจแพ้ได้
ร่างกายคนเรามีAntibodyต่างกันนะคะ การที่ญาติโยมของคุณแพ้อะไร ไม่จำเป็นว่าคุณต้องแพ้ตามเค้าไปทุกสิ่ง อย่าเพิ่งวิตกจริตเกินเหตุ (อิฉันแพ้เครื่องสำอางอะไรก็เอาไปยกให้คุณนายมารดาและยัยน้องสาวทุกที ไม่เห็นใครจะบ่นมีแต่บอกว่าใช้ดี๊ดี (ของฟรีก็เงี้ยะ ดีไปหมด (-*-) )

คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าใช้หางจระเข้สดไม่ได้เพราะใช้แล้วคันยิบๆ พาลนึกว่าตัวเองแพ้ไปซะงั้น
ขอบอกว่า...ไม่แน่นะคะ
ประเด็นคือ หางจระเข้มียางค่ะ ไม่ใช่เมือกใสๆแต่เป็นยางจากเปลือกสีเขียวๆนั่นแหละ สังเกตเวลาตัดที่โคนใบเมื่อหงายดูจะเห็นน้ำยางสีขาวซึมอยู่รอบๆวง ยางไม้ยางพืชส่วนใหญ่มนุษย์เรามักจะแพ้กันอยู่แล้ว
เวลาตัดปั๊บเราจึงควรล้างน้ำเปล่าก่อนหนึ่งรอบนะคะ ทั้งนี้เพื่อล้างฝุ่นที่เกาะอยู่ตามใบออกไปด้วย
จากนั้นจึงปอกเปลือก เนื้อในจะขาวใสลักษณะคล้ายวุ้นแท่ง แม้ปอกเปลือกแล้วแต่น้ำยางยังอยู่ตามผิวมัน
เราก็ต้องล้างน้ำอีกรอบให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำแป๊บนึงแล้วนำเข้าตู้เย็นค่ะ
เราจะใช้ประโยชน์จากเมือกเหลวในตัวแท่งจึงต้องหั่นเป็นแว่น แล้วเอาแว่นที่มีน้ำวุ้นมาทาบนใบหน้า แรกๆทาอาจจะรู้สึกตึงนิดหน่อย คันยิบๆเล็กน้อยบริเวณที่เป็นสิว แต่ถ้าหน้าไม่แดงขึ้น หรือแสบลอก ก็แสดงว่าไม่แพ้ค่ะ... ใช้ไปเรื่อยๆอาการยิบๆจะหายไปเอง


คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะดูดีและมีผิวสุขภาพดีได้นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น: